พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า |
พระเมืองพิจิตร ที่พบมีทั้งที่ทำด้วยเนื้อชินเงิน และเนื้อดิน สร้างในสมัยสุโขทัย จนถึงสมัยอยุธยาตอนปลาย พระเมืองพิจิตร ทุกพิมพ์และทุกกรุ มีชื่อเสียงทางด้านแคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี ที่โด่งดังที่สุดตลอดกาลและสร้างชื่อลือเลื่องมาตั้งแต่โบราณให้เมืองพิจิตร คือ พระพิจิตร เม็ดข้าวเม่า กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งเป็นวัดหลวง สร้างในสมัยสุโขทัยตอนปลาย อยู่ในบริเวณพระราชวังโบราณ หรือที่เรียกกันว่า บริเวณเมืองเก่า ในปัจจุบัน
พระพิจิตร เม็ดข้าวเม่า เนื้อชินเงิน ต้นตำรับ พระเล็กจิ๋วแต่แจ๋ว ด้วยพุทธคุณด้านมหาอุด คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย ซึ่งอาจารย์ยุคโบราณได้สร้างไว้โดยเน้นความเล็กจิ๋ว เพื่อสะดวกในการพกพา หรือซ่อนไว้ในตัวอย่างมิดชิด ยามที่ต้องออกรบในศึกสงคราม ด้วยขนาดองค์พระสูงประมาณ ๑.๕ ซม.กว้างประมาณ ๐.๘ ซม.เท่านั้น
คนสมัยก่อนเชื่อกันว่า เนื้อพระพิจิตร มีส่วนผสมของ เหล็กน้ำพี้ ซึ่งเป็นเหล็กน้ำดี มีคุณวิเศษในตัวเอง พุทธลักษณะ พระพิจิตร เม็ดข้าวเม่า พิมพ์แขนหักศอก องค์พระปางสมาธิ ประทับนั่งบนฐานหมอนปีก พิมพ์ทรงเป็นรูปวงรี ด้านหลังเป็นลายผ้า นอกจาก พิมพ์แขนหักศอก แล้วยังมี พิมพ์แขนกลม พิมพ์ฐานขีด พิมพ์สามเหลี่ยมหน้าจั่ว พิมพ์ไม่มีฐาน ทั้งหมดนี้ขุดพบจากกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิจิตร
สำหรับคุณค่าทางประวัติศาสตร์ พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า ได้รับการยกย่องให้เป็นพระชัยมาลาของสมเด็จพระมหาราชาของไทยถึงสองพระองค์ ซึ่งได้ทรงบูชาติดพระองค์ในภาระกิจสำคัญแห่งการกู้ชาติไทยถึงสองครั้งสองคราวเพราะความยิ่งใหญ่ในด้านพุทธคุณ กับความคงกระพันชาตรีโดยตรง
การกู้ชาติไทยครั้งแรก
"สมเด็จพระนเรศวร" ทรงนำพระเครื่องพิจิตรเม็ดข้าวเม่าติดพระองค์ตลอดเวลาที่ออกศึก โดยได้ทรงอาราธนาไว้ที่พระมาลา ปรากฎหลักฐานจากพระนิพนธ์" ลิลิตตะเลงพ่าย " ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
การกู้ชาติไทยครั้งที่สอง
การกู้ชาติไทยครั้งที่สอง
"สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ทรงกู้ชาติไทยอีกครั้งจากพม่า พระองค์ทรงนำพระเครื่องของเมืองพิจิตร "พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า" ติดพระองค์เวลาออกศึกตลอดมา โดยได้ทรงนำไว้ที่พระมาลาเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น